วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ประสบการณ์ขนหัวลุกจากทางหลวง วิญญาณพเนจร



วิญญาณ พเนจร

"ฮอลล์" เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากทางหลวง

ดิฉัน เคยได้ยินได้ฟังเรื่องภูตผีปีศาจมาตั้งแต่เด็กๆ แล้วค่ะ พวกผู้ใหญ่ชอบเล่าให้ฟังมาตั้งแต่จำความได้ ไม่ได้ตั้งใจให้หวาดกลัวหรืองมงายอะไรหรอกนะคะ แต่เพื่อสั่งสอนให้ระมัดระวังตัวเอาไว้ต่างหาก

ถึงแม้จะเป็นคนกรุงเทพฯ แต่ท่านบอกว่าที่ไหนๆ ก็มีวิญญาณล่องลอยอยู่ทั้งนั้น ไม่ว่าในป่าหรือในเมือง เพียงแต่เรามักจะมองไม่เห็นเอง

บาง ท่านก็บอกว่า ถ้าคนเราเชื่อถือในเรื่องภูตผี ซึ่งรวมถึงเทวดาหรือเทพประจำตัว จะไม่กล้าทำความผิดบาปและความชั่วต่างๆ เพราะมีความเกรงกลัวหรืออับอายว่าจะมีผู้รู้เห็น อย่าคิดว่าทำอะไรในที่ลับแล้วจะรอดสายตาใครไปได้

ตรงตามที่คนสมัยก่อนเชื่อถือและสั่งสอนต่อๆ กันมานั่นแหละค่ะ

"ถึงมนุษย์จะไม่เห็น แต่ผีสางเทวดาก็เห็น"

นอก จากนั้น ยังสั่งสอนให้ระวังทางเปลี่ยว ต้นไม้ใหญ่ จอมปลวก...ถ้าคิดอย่างคนสมัยใหม่ก็พอจะเข้าใจได้ว่า คำสอนเหล่านั้นเป็นสิ่งเตือนสติให้เราตั้งตนอยู่ในความไม่ประมาทในทุกสถาน ที่นั่นเอง จริงไหมคะ?

ตามถนนหนทางย่อมมีผู้เสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ มากมาย เป็นชุมทางวิญญาณที่ล่องลอย วนเวียนอยู่โดยไม่ได้ผุดเกิด ขอให้ระมัดระวังเป็นพิเศษ!

ดิฉันเองยอมรับว่าไม่ค่อยเชื่อถือสิ่งลี้ ลับเหล่านี้ แต่ก็รับฟังเงียบๆ โดยไม่ได้โต้แย้งอะไร...จนกระทั่งได้ประสบกับเหตุการณ์สยองขวัญเข้ากับตัว เองอย่างจังๆ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์นี้เอง

เรา...คือดิฉันกับ เพื่อนๆ อีกห้าคนในบริษัทชวนกันไปเที่ยวจังหวัดตาก บ้านเดิมของ "พี่แตง" โดยมีโปรแกรมจะไปแม่สอด ชมตลาดพลอยริมน้ำเมย ข้ามไปฝั่งเมียวดีของพม่า รวมทั้งเลยไปชมน้ำตกทีลอซูที่เคยเห็นแต่ในหนังสือและทีวี...อ้อ! เราเช่ารถตู้ไปค่ะ

ออกจากกรุงเทพฯ ที่ข้างเซ็นทรัลเจ็ดโมงเช้า พวกเราผู้หญิงล้วนๆ พูดคุยและหัวเราะต่อกระซิกกันอย่างสนุก พลางชมวิวข้างทางกันอย่างตื่นตาตื่นใจ...ใช้เวลาสองชั่วโมงเศษ ก็ถึงตลาดปากบางสิงห์บุรี มีก๋วยเตี๋ยวเจ้าอร่อยที่เพื่อนแนะนำ ไม่ว่าก๋วยเตี๋ยวหมูหรือก๋วยเตี๋ยวผัดไทย...พวกเราล้วนแต่เจริญอาหารกันทุก คน

ร้านนั้นขายของฝากนักท่องเที่ยวสารพัด ทั้งผลไม้แช่อิ่มและขนมเปี๊ยะชื่อดังจนเราอดซื้อไม่ได้ไปตามๆ กัน

เดิน ทางต่อจนใกล้จะถึงคลองขลุง มีโปรแกรมอาหารกลางวันที่ไทยเจริญ รถจอดในปั๊มน้ำมันเล็กๆ แห่งหนึ่ง มีป้ายตัวโตๆ เขียนไว้ว่า "ห้องน้ำสะอาด" พวกเราก็แวะกันอีกครั้ง ใครออกมาก่อนก็เดินไปดูร้านค้าในปั๊มแบบร้านสะดวกซื้อน่ะค่ะ

ขณะนั้น ใกล้จะเที่ยงแล้ว แต่ท้องฟ้ามืดครึ้มไม่มีแดดเ
ลย ลมพัดมาแรงๆ จนรู้สึกหนาวยะเยือกชอบกล...อ้อ! ถือว่ายังไม่สิ้นฤดูหนาวนะคะ

"แหม่ม" เพื่อนที่นั่งคู่กับดิฉันออกเดินนำหน้าไปที่รถ แต่ก่อนจะก้าวขึ้นก็หันไปมองเพื่อนๆ ที่เพิ่งทยอยออกจากร้าน...ใครหลงลืมอะไรก็ซื้อหาเอาที่นั่น พวกของกระจุกกระจิกตามประสาผู้หญิงแหละค่ะ แหม่มบ่นว่ามัวแต่โอ้เอ้อยู่นั่นแหละ เสียเวลาเปล่าๆ

"เอ้า! เร็วๆ เข้า พวกเราขึ้นรถ!" เธอโบกมือพลางตะโกนเสียงลั่น

ขาด เสียง ลมกลุ่มหนึ่งก็พัดฮือเข้ามาหา เย็นยะเยือกจนดิฉันขนลุกซ่าไปทั้งตัว...แหม่มเองก็หันขวับมามองด้วยแววตางุน งง เหลียวซ้ายแลขวาพลางบ่นพึมพำ

"ทำไมลมพัดแรงจังนะ?" ก่อนจะหันไปตะโกนเรียกเพื่อนๆ อีกครั้ง "ใครชักช้า จะทิ้งให้ร้องไห้อยู่ที่นี่นะ"

เมื่อ รวมพลเรียบร้อย คนขับก็พารถออกสู่ถนน...พวกเราควักของที่ซื้อออกมาอวดกัน หัวเราะคิกๆ คักๆ ล้อแหม่มที่ทำตัวเป็นหัวหน้าทัวร์...ขณะที่บางคนทำจมูกฟุดฟิดเหมือนได้กลิ่น อะไรแปลกๆ ตอนแรกก็ไม่มีใครสนใจ แต่ไม่ช้าก็ชักจะมีคนที่หันหน้าหันหลัง ทำจมูกย่น...ดิฉันเองก็เช่นกัน!

กลิ่นเหม็นตุๆ เหมือนปลาเค็มเผารบกวนจมูกชอบกล แหม่มถามไปทั่วๆ รถว่าใครซื้อปลาเค็มจากปากบางมาหรือเปล่า? ทุกคนยืนยันว่าไม่ได้ซื้อ นอกจากผลไม้แช่อิ่มกับขนมเปี๊ยะเท่านั้น "หญิง" ผู้นั่งหลังสุดถึงกับตะโกนมาว่า...ถ้าจะเหม็นปลาเค็มก็ต้องเหม็นมาตั้งแต่ ปากบางแล้วน่ะซี

แหม่มนิ่งอึ้ง...แต่กลิ่นเหม็นตุๆ ยิ่งรุนแรงร้ายกาจขึ้นทุกที ราวกับมีหนูเน่าตายจนตลบอบอวลไปทั้งรถ!

"จอดๆๆ" แหม่มร้องลั่น เอื้อมมือไปตบกระจกหลังคนขับที่เป็นชายวัยกลางคน...เขาหันขวับมามองแวบหนึ่ง ลืมตาโพลง อ้าปากค้างจนรถเป๋ไปทางขวา เคราะห์ดีที่ไม่มีใครขับแซงขึ้นมา เสียงหวีดร้องดังระงม ตามด้วยเสียงเบรกรถชวนเสียวฟัน

"เป็นอะไรไปลุง" แหม่มเสียงขุ่นเขียว "จู่ๆ ก็ทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกยังงั้นแหละ ดีนะที่รถไม่ตกถนนน่ะ?"

คน ขับหน้าขาวซีด กลืนน้ำลาย ถามว่า...พวกคุณมาแต่ผู้หญิงล้วนๆ ไม่ใช่รึ? เมื่อตะกี้ผมเห็นผู้ชายหน้าดำปี๋นั่งอยู่ท้ายรถ! คราวนี้เลยหวีดว้ายกันระงม หันขวับไปมองก็ไม่เห็นผู้ชายที่ไหน แต่กลิ่นเหม็นยังคงอบอวลตามเดิม ต้องให้เปิดประตูแล้วรีบแย่งกันลงจากรถ

"คุณไม่น่าเรียกเขาขึ้นรถนี่นา" คนขับบอกเสียงอ่อยๆ "เขาถือรู้มั้ย? เล่นบอกว่าพวกเราขึ้นรถ! เขาก็เลยขึ้นมาด้วยน่ะซี"

พวก เราตาเหลือกไปตามๆ กัน...แหม่มรีบบอกกล่าวว่าจะทำบุญกรวดน้ำไปให้โดยเร็ว แต่ตอนนี้ขอให้ "เขา" ลงจากรถก่อนแล้วกัน...ต่อจากนั้นก็ออกเดินทางต่อ แม้ว่ากลิ่นเหม็นจะหายไปแล้ว แต่นึกถึงทีไรก็ขนหัวลุกทุกทีเลยค่ะ! 



ที่มาจาก   http://www.shockfmclub.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น