วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

สยองบนเครื่องบิน




 




เรื่องนี้เกิดมานานแล้วละครับ ตั้งแต่พ.ศ.2538 โน่น ผมไปเรียนเกี่ยวกับเทคนิคคอมพิวเตอร์ที่ ยู ซี อาร์ มหาวิทยาลัยของเมืองริเวอร์ไซด์ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย คุณลุงผมเป็นแพทย์ที่ไปทำงานและมีบ้านหลังใหญ่อยู่ที่นั่น ผมก็เลยสบายแฮ

ที่ว่าสบายคือไม่ต้องเสียค่าที่ พัก แถมอาหารก็ฟรี เพราะผมเป็นหลานคนโปรด แต่ผมก็ช่วยงานบ้านคุณลุงกับคุณป้าทุกอย่าง เพราะรักและอยากจะตอบแทนความเมตตาของท่าน

แม่ผมไปเยี่ยม อยู่ด้วยกันถึง 6 เดือน แม่ยังตะลึง บอกว่าอยู่เมืองไทยน่ะผมแสนจะเป็นคุณหนูเทวดา ไม่น่าเชื่อว่าจะดูดฝุ่น ล้างห้องน้ำ และรีดผ้าก็เป็นด้วย

ที่อเมริกามีวิชาที่ผมชอบมาสนอง ความต้องการเพียบ เรียนจบ 4 ปีแล้วผมยังอยู่ต่อ สมัครเข้าเรียนคอร์สสั้นๆ เช่น กราฟิกดีไซน์ การวาดรูปด้วยคอมพิวเตอร์ และเทคนิคพิเศษต่างๆ

สรุปรวมแล้ว ผมเพลิดเพลินจำเจริญใจอยู่เกือบ 6 ปี และในช่วงนั้น ผมกลับมาเยี่ยมเมืองไทยแค่ครั้งเดียว

เป็นครั้งที่ผมโดนผีหลอกนี่ละครับ!


ผมกลับมาเป็นคุณหนูเทวดาอยู่กับแม่หนึ่งเดือนเต็มๆ จากนั้นก็ถึงเวลาเหินฟ้าด้วยสายการบินของเพื่อนบ้าน ขาประจำของผม...ตรงกลับแอลเอ

การบินเที่ยวนี้ผมฉายเดี่ยว ที่นั่งในเครื่องบินเต็มทุกที่ยังกะแจกตั๋วฟรี ดีนะที่เราจองล่วงหน้าไว้นานแล้ว ผมได้ที่นั่งฝั่งหน้าต่างด้านซ้าย แต่ไม่ได้นั่งชิดติดหน้าต่างนะครับ เก้าอี้แถวนี้จะมี 3 ตัว ผมนั่งริมทางเดิน นึกเสียดายเพราะผมชอบนั่งติดหน้าต่าง ดูเมฆดูดาวให้เพลิดเพลิน

ปรากฏว่าคนที่มานั่งตรงนั้นเป็น คุณตาแก่ๆ อายุสัก 70 เห็นจะได้ หน้าตาใจดี แต่เศร้าจัง แกมีอัธยาศัยไมตรีกับผมดีมาก แต่ก็ชอบนั่งเหม่อลอยมองออกไปทางหน้าต่างเงียบๆ

ที่ผมบอกว่าตะกี้ว่าที่นั่งเต็ม ทุกที่น่ะไม่จริงหรอกครับ เก้าอี้ระหว่างผมกับคุณตายังว่างอยู่ ก็แปลว่าทั้งเครื่องบินจัมโบ้ 747 ลำนี้มีว่างอยู่ที่เดียวจริงๆ

คิดอีกทีก็ดีเหมือนกันนะครับ ผมโชคดีไม่ต้องนั่งเบียดกับคุณตา!

เครื่องบินแวะที่สิงคโปร์ แล้วบินต่อไปแวะที่ไทเป ก่อนจะบินยาวตรงดิ่งไปฮาวาย ผู้โดยสารกินอาหารค่ำตามเวลาท้องถิ่น แล้วก็แย่งกันไปต่อคิวเข้าห้องน้ำ แอร์โฮสเตสฉายหนังแล้วก็ปิดไฟมืด ยกเว้นบางคนอยากอ่านหนังสือก็เปิดไฟดวงเล็กๆ เหนือเก้าอี้ตัวเอง

ค�
��ณตาแกหลับไปแล้ว แหม! หลับง่ายดีจัง ส่วนตัวผมน่ะเป็นอะไรไม่รู้ซี ขึ้นเครื่องทีไรมักจะหลับๆ ตื่นๆ ตลอด ไม่มีวันหลับสนิทได้เลยซักครั้ง

คราวนี้ก็เช่นกัน! ผมหลับตานิ่งๆ เพราะอยากพักผ่อน ไม่รู้หลับหรือเปล่า แต่หนังที่ฉายก็จบไปแล้ว ไม่มีแสงวูบวาบกวนตา ทั่วทั้งลำเงียบสงบ มีแต่เสียงเครื่องยนต์กับแอร์ดังหึ่งๆ ซึ่งผมก็ไม่ได้รำคาญอะไร

ทันใดนั้น ผมรู้สึกดิ่งเข้าภวังค์คล้ายจะเคลิ้มหลับ แต่เอ...ไม่เคยเป็นอย่างนี้นี่นา

ผมไม่ชอบความรู้สึกดิ่งเหมือนโดน แม่เหล็กดูดแบบนี้ ก็เลยลืมตา แต่หนังตามันหนักมาก...ได้แต่ปรือๆ คิดว่าเราคงนอนทับเส้นเลือดมั้ง เลือดลมเดินไม่สะดวกเลยเกิดอาการแบบผีอำ...ผมพยายามขยับร่างกายก็ทำไม่ได้

และแล้ว ตรงทางเดินระหว่างแถวเก้าอี้ ห่างจากผมไปราว 2-3 ก้าว ผมก็เห็นร่างหนึ่งค่อยๆ ผุดขึ้นมาจากพื้นพรม...หัวมาก่อนเลยครับ!

เป็นผู้หญิงแก่ๆ ผมบางๆ สีเทาเงินนั้นรวบตึงเป็นมวยไว้ตรงท้ายทอย เธอลอยตรงๆ ขึ้นมาทั้งตัว

ในแสงสลัวๆ ผมเห็นว่าเธอสวมชุดกระโปรงสีอ่อนๆ ยาวครึ่งแข้ง ตอนสาวๆ เธอคงหุ่นดีน่าดู เพราะสูงเพรียว คอยังระหงอยู่เลยครับ ลักษณะท่าทางก็ผู้ดี๊ผู้ดี...เสียอย่างเดียวคือผมรู้แน่ๆ ชัวร์ๆ ว่า...เธอเป็นผี!!

ผมฝันไปรึเปล่าเนี่ย?

เธอลอยเข้ามาใกล้อย่างน่าตกใจ เห็นเลยครับว่าเท้าเธออยู่เหนือพื้นทางเดินขึ้นมาราวคืบหนึ่ง

ที่น่าสยองสุดๆ คือ เธอลอยผ่านที่นั่งผมโดยไม่ต้องขยับขาเบี่ยงหลบให้...ถึงอยากทำก็ทำไม่ได้ เพราะมันขยับไม่ออก มิหนำซ้ำยังหนาวเข้ากระดูกดำ เหมือนทั้งตัวผมกลายเป็นไอติมแท่งไปแล้ว!

ผีผู้หญิงลอยลงนั่งเก้าอี้ตรงกลางระหว่างผมกับคุณตานั่นแหละ จากหางตาผมเห็นนั่งเอาแขนพาด โอบกอดร่างคุณตา ศีรษะเธอเอนซบลงช้าๆ

แล้วผมก็หลับสนิทวูบไปเลย หรือสิ้นสติเพราะความกลัวสุดขีดก็ไม่ทราบ

เครื่องลงแวะฮาวาย คุณตาบอกล่ำลาผม ถามว่าผมไม่สบายรึเปล่า เห็นหน้าเซียวๆ ผมไม่ได้เล่าอะไรให้แกฟัง แต่ก็อดพูดคุยลัดเลาะถามโน่นถามนี่ จนมาถึงคำถามว่า...คุณตามาเที่ยวหรือมีลูกหลานที่ฮาวาย?

ได้เรื่องเลยครับ...คุณตาบอกว่า บ้านแกอยู่ฮาวาย ทำธุรกิจที่นี่แล้วไปเที่ยวเมืองไทยกับคุณยาย แต่คุณยายหัวใจวาย น่าเศร้ามาก...คุณตานำคุณยายใส่โลงขึ้นเครื่องบินมาทำพิธีฝังที่นี่

นั่นไง...นึกแล้วเชียว! 



ที่มาจาก   http://www.shockfmclub.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น