วันอาทิตย์ที่ 8 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

ความลับห้องตรงข้าม






ก่อนหน้านั้น ณ มหาวิทยาลับมีชื่อแห่งหนึ่งของภาคตะวันออก ปีการศึกษา 2526 ผมอยู่ที่นี่มาสองเดือนแล้ว กำลังปรับสภาพให้เข้ากันได้กับมหาวิทยาลัยที่นี่ มันก็ไม่ง่ายนักกับการที่เคยอยู่บ้านสบาย ๆ ต้องมาอยู่เองตัวคนเดียว และรับผิดชอบตัวเองตั้งแต่ตื่นยันนอน หอพักที่มหาวิทยาลัยจัดไว้ให้ แบ่งระบบหอชายมีอยู่ 7 หอ ผมได้อยู่หอที่ 7 ซึ่งถือว่าเป็นหอใหญ่ที่สุด แบ่งเป็นปีกซ้ายปีกขวา มีทางเดินเชื่อมตรงกลาง ข้างหน้าหอเป็นลานจอดรถ ส่วนด้านหลังเป็นสนามกีฬาที่เหล่านักศึกษาของแต่ละหอจะมาใช้ประโยชน์ร่วมกัน ตกเย็นละก็

ครึกครื้นมากแต่พอเข้าไต้เข้าไฟแล้วนี่สิครับ เงียบเหงาวังเวงว้าเหว่สิ้นดี เพราะในรั้วมหาวิทยาลัยนะ มีกฏระเบียบควบคุมบังคับ จะเฮจะฮาอึกทึกครึกโครมดึก ๆ ดื่น ๆ เหมือนพวกหอพักเอกชนนอกมหาวิทยาลัยนั้นไม่ได้ ใครทนเงียบทนเหงาไม่ได้ก็ต้องออกไปอยู่หอนอก ส่วนตัวผมจำเป็นต้องอยู่หอใน เพราะว่าค่าหอนั้นถูกกว่ากันครึ่งต่อครึ่ง ค่ำลงก็เปลี่ยวเหงาเศร้าซึม คิดถึงพี่ป้าน้าอาบ้านช่องไปตามระเบียบแต่ก็ดีที่ยังมี\\\\\\\'ไอ้ แกว\\\\\\\'เพื่อนผมเอง เป็นนักศึกษาอยู่เฟรชชี่ปีหนึ่งเหมือนผม ถึงจะอยู่คนละคณะ แต่ก็เคยอยู่หอพักที่เจ็ดนี้ด้วยกันมาก่อน ตอนนี้มันย้ายไปอยู่หอนอก และก็เพราะมันนี่แหล่ะ ที่ทำให้ผมต้องถวายบังคมลาจากหอนี้ไป...ตลอดกาล คืนวันนั้นผมก็นั่งมองไอ้แกวสวาปามบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเข้าไปถึงสี่ซอง ผมก็ได้แต่พูดกับมันว่าไม่เข้าใจมันเลยว่ามันอดมากี่มื้อ เพราะมันย้ายไปอยู่หอนอกนั่นแหล่ะ

ไอ้อย่างเรา ๆ น่ะ หักค่าหอแล้วก็แทบจะใช้เดือนไม่ชนเดือน แล้วมันจะออกไปทำไม พร้อมแอบบ่นไม่ได้ว่าดีนะที่ยังมีเสบียงตุนไว้ มันก็บอกผมว่าไม่อยากออกหรอก แต่มีเหตุจำเป็น ผมก็เลยถามมันว่าเหตุจำเป็นบ้าบออะไรของแก ค่าเช่าหอก็ค้างได้จนสอบมิดเทอมมีเวลาถมเถ หรือว่ามันจะขี้เหงา แต่ก็ไม่น่าเป็นเหตุผลของมัน แล้วมันก็บอกว่าถ้าอยากรู้นักก็ จะบอกให้ แล้วยังกวนเบื้องพระบาทโดยการพูดต่อว่า แต่ว่าขออีกสองห่ออีกต่างหาก พอสวาปามเข้าไปเสร็จ มันก็บอกว่า แกรู้ใช่ไหมว่าฉันอยู่ห้อง 206 ผมก็เลยบอกว่า ห้อง 206 ห้องตรงข้ามทางเดิน ใช่ ทำไม มันก็เลยร่ายยาวเลย

ว่าเคยได้ยินคอลเรียกนายไพโรจน์ห้อง 206 ลงไปรับโทรศัพท์มั้ย ผมก็ตอบว่าเคย แล้วก็ถา�
�ว่าไม่เห็นพามาแนะนำเลย มันก็เลยบอกว่าจะพามาได้ไง ห็ห้องมันเคยมีคนชื่อไพโรจน์ที่ไหน พอมีเสียงคอลขึ้นมาข้าก็จะตอบลงไปว่าไม่มีชื่อนี้ ก็ไม่ยอมเชื่อ โทรมาเรื่อย ๆ จนมีอยู่ครั้งนึง มันทนไม่ไหว ดิ่งลงไปรับสายเอง ปรากฏว่าเป็นเสียงผู้หญิงแก่ ๆ โทรมาหาลูกชายแก ข้าก็บอกแกไปว่าห้องที่แกโทรขึ้นไปน่ะไม่มีคนชื่อนี้ แกก็ไม่เชื่อ หาว่ากีดกันแกไม่ให้พบกับลูกชายแก มันเลยโกรธ เลยจวกกันไปซะ แกก็บอกว่าไม่ผิดแน่ แถมยังปากจัดมากแต่ยังไม่ใช่แค่นี้ ป้าแกจะโทรมาแค่วันศุกร์ตอนสามทุ่มเท่านั้น

วันอื่นเวลาอื่นแกไม่ โทร หลังจากวันนั้น มันก็ไปถามเกี่ยวกับคนชื่อนี้ แต่นักศึกษาปีนี้ไม่มีใครชื่อไพโรจน์เลย จนหนักเข้า มันต้องไปค้นที่สำนักทะเบียนประมวลผล สรุปว่าไอ้คนนั้นเป็นนักศึกษาปีหนึ่ง แล้วก็พ้นสภาพนักศึกษาไปแล้วเพราะนักศึกษาปีหนึ่งที่ชื่อไพโรจน์น่ะ ตายไปแล้ว เพราะไพโรจน์เป็นปีหนึ่งเมื่อปีที่แล้วแล้วโดนรุ่นพี่แกล้ง สาปให้เป็นลิง มันก็เจี๊ยก ๆ ไป แล้วรุ่งพี่ปีสามก็บอกว่าน้ำแข็งที่สั่งไว้น่ะได้แล้ว รุ่นพี่ปีห้าก็บอกให้ไพโรจน์ไปเอา โดยให้มันไปเจี๊ยก ๆ

ตลอดทาง คนก็ฮากันตรึม พอตกเย็นไพโรจน์ก็ผูกคอตายในห้อง 206 ห้องที่มันเคยอยู่นั่นแหล่ะ แล้วมันก็บอกว่าไพโรจน์ยังไม่เท่าไหร่ แต่แม่ไพโรจน์น่ะ ตอนนั้นป้าแกนอนอยู่โรงหยาบาลและเสียชีวิตหลังจากลูกชายตายได้ไม่กี่ชั่วโมง ด้วยโรคหัวใจล้มเหลว ยังไม่ทันรู้เรื่องที่ลูกชายตัวเองผูกคอตายเลยด้วยซ้ำ ผมฟังไปมาก็หัวเราะ ถามมันว่านานไหมกว่าจะคิดได้ขนาดนี้ เล่นเอาซะกลัวเลย แล้วดันไปเห็นพอดี ว่าวันนี้วันศุกร์ และก็สองทุ่มห้าสิบสามแล้ว จะสามทุ่ม เลยลากมันลงไปเลย บอกว่าไง แกบอกว่าวันศุกร์สามทุ่มใช่ไหม ไปเลย แล้วปรากฏว่ามีโทรศัพท์ดังจริง ๆ สามทุ่มเด๊ะ

เข็มวินาทียังไม่ เคลื่อนเลย พอรับก็แกล้งบอกว่าผมไพโรจน์ครับ เสียงที่พูดกับผมเป็นเสียงผู้หญิงแก่ ๆ เท่าที่สังเกตมันแก่มากจนผิดปกติ ระหว่างต่อปากต่อคำกันอย่างสนุกสนาน ก็เห็นไอ้เจ้าแกวมันลุกลี้ลุกลน มันกลัวผมจับได้แหง ๆ ว่าเป็นเพื่อนคนใดคนหนึ่งของมันแกล้งโทรมา แล้วจู่ ๆ มันก็สะกิดผมยิก ๆ แล้วก็ชูสายโทรศัพท์ที่ขาดให้ดูด้วยมือสั่นระริก ๆ ผมงี้ตาแถบถลน โยนโทรศัพท์โครมลงบนแป้น แล้วก็แหกปากก้องหอพักเลยครับ...



ที่มาจาก   http://www.shockfmclub.com

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น